ความสำคัญของคอมพิวเตอร์
คอมพิวเตอร์ในประเทศไทยเริ่มมีความสำคัญมากขึ้น
ตลาดกว้างขึ้น ราคาถูกลงและมีประสิทธิภาพดีขึ้น
ความสำคัญของคอมพิวเตอร์ในชีวิตประจำวันจะเข้ามาเกี่ยวข้องกับการอำนวยความสะดวกและสร้างสรรค์งานในชีวิตแห่งการทำงานในอนาคต
ซึ่งขึ้นอยู่กับคนใช้ว่าต้องใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ช่วยเหลือในด้านใด
พวกออกแบบก็ต้องการใช้โปรแกรมการสร้างภาพ
พวกทำงานเอกสารก็ต้องใช้โปรแกรมเกี่ยวกับสำนักงาน แต่สำหรับเด็ก ๆ
ไม่เจาะจงว่าจะฝึกฝนโปรแกรมใด เพียงแต่ให้มีความเข้าใจ
และให้ความสำคัญกับคอมพิวเตอร์ และสำหรับเด็ก ๆ
ที่โตพอสมควรก็ควรจะฝึกฝนเรื่องอินเตอร์เน็ต และการส่ง การรับE-Mail
สิ่งที่ต้องบอกไว้อีกประการหนึ่งคือ
คอมพิวเตอร์เป็นศาสตร์อย่างหนึ่ง การเรียนรู้และเข้าใจต้องผ่านการฝึกฝนพอสมควร
การเรียนคอมพิวเตอร์แล้วไม่ได้ฝึกฝนด้วยตนเองอย่างต่อเนื่องก็อาจทำให้ลืมเลือนไปได้และก็จะไม่เกิดประโยชน์อะไร
ดังนั้นจึงต้องมีความจำเป็นที่จะต้องเรียนรู้ เข้าใจ
และฝึกฝนติดตามเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ต่อไปอย่างต่อเนื่อง
ทำให้เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน
บทบาทและประโยชน์ของคอมพิวเตอร์ในด้านต่างๆ
1.
งานธุรกิจ เช่น บริษัท ร้านค้า ห้างสรรพสินค้า
ตลอดจนโรงงานต่างๆ ใช้คอมพิวเตอร์ในการทำบัญชี งานประมวลคำ
และติดต่อกับหน่วยงานภายนอกผ่านระบบโทรคมนาคม นอกจากนี้งานอุตสาหกรรม
ส่วนใหญ่ก็ใช้คอมพิวเตอร์มาช่วยในการควบคุมการผลิต
และการประกอบชิ้นส่วนของอุปกรณ์ต่างๆ เช่น โรงงานประกอบรถยนต์
ซึ่งทำให้การผลิตมีคุณภาพดีขึ้นบริษัทยังสามารถรับ หรืองานธนาคาร
ที่ให้บริการถอนเงินผ่านตู้ฝากถอนเงินอัตโนมัติ ( ATM ) และใช้คอมพิวเตอร์คิดดอกเบี้ยให้กับผู้ฝากเงิน
และการโอนเงินระหว่างบัญชี เชื่อมโยงกันเป็นระบบเครือข่าย
2.
งานวิทยาศาสตร์ การแพทย์ และงานสาธารณสุข สามารถนำคอมพิวเตอร์มาใช้ในนำมาใช้ในส่วนของการคำนวณที่ค่อนข้างซับซ้อน
เช่น งานศึกษาโมเลกุลสารเคมี วิถีการโคจรของการส่งจรวดไปสู่อวกาศ หรืองานทะเบียน การเงิน สถิติ และเป็นอุปกรณ์สำหรับการตรวจรักษาโรคได้
ซึ่งจะให้ผลที่แม่นยำกว่าการตรวจด้วยวิธีเคมีแบบเดิม และให้การรักษาได้รวดเร็วขึ้น
3.
งานคมนาคมและสื่อสาร ในส่วนที่เกี่ยวกับการเดินทาง
จะใช้คอมพิวเตอร์ในการจองวันเวลา ที่นั่ง
ซึ่งมีการเชื่อมโยงไปยังทุกสถานีหรือทุกสายการบินได้
ทำให้สะดวกต่อผู้เดินทางที่ไม่ต้องเสียเวลารอ อีกทั้งยังใช้ในการควบคุมระบบการจราจร
เช่น ไฟสัญญาณจราจร และ การจราจรทางอากาศ
หรือในการสื่อสารก็ใช้ควบคุมวงโคจรของดาวเทียมเพื่อให้อยู่ในวงโคจร
ซึ่งจะช่วยส่งผลต่อการส่งสัญญาณให้ระบบการสื่อสารมีความชัดเจน
4.
งานวิศวกรรมและสถาปัตยกรรม สถาปนิกและวิศวกรสามารถใช้คอมพิวเตอร์ในการออกแบบ
หรือ จำลองสภาวการณ์ ต่างๆ เช่น การรับแรงสั่นสะเทือนของอาคารเมื่อเกิดแผ่นดินไหว
โดยคอมพิวเตอร์จะคำนวณและแสดงภาพสถานการณ์ใกล้เคียงความจริง
รวมทั้งการใช้ควบคุมและติดตามความก้าวหน้าของโครงการต่างๆ เช่น คนงาน เครื่องมือ
ผลการทำงาน
5.
งานราชการ เป็นหน่วยงานที่มีการใช้คอมพิวเตอร์มากที่สุด
โดยมีการใช้หลายรูปแบบ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับบทบาทและหน้าที่ของหน่วยงานนั้นๆ เช่น
กระทรวงศึกษาธิการ มีการใช้ระบบประชุมทางไกลผ่านคอมพิวเตอร์ , กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ได้จัดระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตเพื่อเชื่อมโยงไปยังสถาบันต่างๆ , กรมสรรพากร ใช้จัดในการจัดเก็บภาษี บันทึกการเสียภาษี เป็นต้น
6.
การศึกษา ได้แก่ การใช้คอมพิวเตอร์ทางด้านการเรียนการสอน
ซึ่งมีการนำคอมพิวเตอร์มาช่วยการสอนในลักษณะบทเรียน CAI หรืองานด้านทะเบียน
ซึ่งทำให้สะดวกต่อการค้นหาข้อมูลนักเรียน
การเก็บข้อมูลยืมและการส่งคืนหนังสือห้องสมุด
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น